Intramuscular injection

Learn How to injection by Aj.pamornsti (intramuscular injection)
For Vaccine injection

สำหรับน้องๆ ที่ดูวิดีโอนี้ ดูเพื่อการศึกษา ห้ามลอกเลียนแบบ!! ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อตัวน้องๆเอง #เว้นแต่อยู่ภายใต้ความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ และมีความรู้ทางด้านนี้เท่านั้น For children who watch this video Watch for education. Do not imitate !! Which may be harmful to you *Except under the supervision of experts and people with this knowledge only #Intramuscularinjection

Vaccine Provide at intramuscular layer : 

DTP vaccine , HB vaccine, Rabies vaccine, Hib vaccine,                                                                    HAV vaccine, Flu vaccine 

For Needle :   No. 24-25, 1-1(1/2)

              

Reference :http://shop.naddabiz.com/products/Needle-0.55-x-25-mm-(NIPRO-or-TERUMO).html                   https://www.medsupply.co/product/%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%89%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81-nipro-%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C-25/

Site : Upper arm or thigh *Gluteal muscle (Avoid the sciatic nerve)

Reference : https://immunisationhandbook.health.gov.au/resources/handbook-figures/figure-vastus-lateralis-injection-site-on-the-anterolateral-thigh

Reference : https://immunisationhandbook.health.gov.au/vaccination-procedures/administration-of-vaccines

Side effect : Sterile abscess

Technique :

For intramuscular injection will use 90 degree position of needle for injection

Reference : https://www.aboutkidshealth.ca/Article?contentid=997&language=English 

 

Reference: https://www.123rf.com/photo_81714725_stock-vector-comparison-of-the-angles-of-intramuscular-injection-ideal-for-medical-diagram-about-patient-treatmen.html 

Vaccination checking : 

expired date , Dose for use , The Company (for inject another vaccine in the sametimes) *in same company can use together

Throw infection waste in the infection weste grabage *red colour

                                     For the infection weste container *needle after used

Thank you 

 And do not forget to follow My Youtube Official

https://www.youtube.com/channel/UCarG60ZC27Ops9fOd9qyfrQ?view_as=subscriber 

science show video

science show of our project 

This is about concentration of each substance 

The different kind of the fluid it have more powerful to separate levels

and how to know the different of fluid you can use this formula on each fluid 

ref: https://images.app.goo.gl/3tBVzYjd64VdrKCC7

And you can find more information from book and on website

Go watch video on YouTube :
https://www.youtube.com/watch?v=qERXTjJrXzQ&t=12s

รวมผลงาน ภาพ วิดีโอ กิจกรรมของนักเรียน

-- กิจกรรม

 กิจกรรม ไข่กระโดดร่ม STEM ศึกษาของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

กิจกรรมเรือบรรทุกทราย(ลอยน้ำ) STEM ศึกษาของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

ทัศนศึกษานอกสถานที่ ณ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค อ.จะนะ จ.สงขลา

กิจกรรมกีฬาสี ปี 2559  ของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

กิจกรรมดีเกฮูลูรายวิชาศิลปะ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่6/11

งานเมาลิดิลนบี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

กิจกรรมกีฬาสี ปี 2560  ของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

งานมหกรรมวิชาการ ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

STEM education generation 2 Camp ณ โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

รับบัณฑิต รุ่นพี่ม.6 G.33  ณ โรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ

--เก็บตก

จะปล่อยเรือแล้วน่ะ^^

พร้อมสำหรับการทดลองแร้ววว^^

เบื้องหลังการถ่ายทำโฆษณา 

กำลังจะแนะนำให้ฟัง....

เตรียมพร้อมมาอย่างดี เป็นระเบียบม้วกๆๆ

มาดูเส้นทางเดินข้ามเมืองของ นบีมูฮัมหมัดกัน...

ร้อนๆ ยังงี้ เซลฟีกันน่อยเรววว....

มือเย็นก็มาถึง 1 2  3 แฉะ!!!

มาฟังเรื่องราวของนบีมูฮัมหมัดกัน....

เบื้องหลังการถ่ายทำ VDO ภาษาซี

กลางสนามมันร้อนใง หนีมาเซลฟีดีกว่า..

 --วิดีโอ

การแสดงดีเกฮูลูของห้องเรา 6/11

วิดีโอภาษาซี กลุ่มของพวกเรา

Smooth-E Baby Face Gel

วิดีโอโฆษณาสินค้าของพวกเรา

โฆษณาสินค้า (review for everyone)

Smooth-E baby face gel

   

ต้องนี่เลย Smoooth E baby face gel

เจลล้างหน้าที่อ่อนโยนต่อผิวของคุณและดีต่อผิวหน้าของคุณ

ทำให้หน้าใส ไร้สิว smooth E baby face gel เท่านั้น ลองเลยค่ะ ^^

โครงงานคอมพิวเตอร์

แบบเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์

1.ชื่อโครงงาน :  หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์

2.ประเภทโครงงาน :  เพื่อการศึกษาค้นคว้าคอมพิวเตอร์

3.ชื่อผู้จัดทำโครงงาน : นางสาวสุนิสรา ปีแต

4.ครูที่ปรึกษาโครงงาน :  อาจารย์แวลีเยาะ เจ๊ะสนิ

5.ระยะเวลาดำเนินงาน :  ระยะเวลา 2 ภาคเรียน

6.แนวคิด ที่มา และความสำคัญ

              ปัจจุบันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อ
ทุกวงการทั่วโลก รวมทั้งวงการศึกษาไทยด้วย และผลพวงที่ติดตามมาในแง่เทคนิควิธีการเกี่ยวกับ
กระบวนการเรียนรู้คือแนวโน้มในการเรียนรู้แบบโต้ตอบสองทาง (Interactive) ที่กาลังก้าวเข้ามาแทนที่กระบวนการเรียนรู้แบบเดิม ที่ผู้รับได้แต่ “รับเอา” โดยไม่อาจ “เลือก” แต่อย่างใด จากแนวคิดดังกล่าว ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกต่างหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้เรียนในทุกระดับ มีการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ผู้เรียนรุ่นใหม่จะเป็นผู้เรียนที่มีความคิดรักการเรียนรู้ มีหลักในการศึกษาค้นคว้าอย่างเป็นระบบมีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ มีความรู้ทักษะที่จำเป็นในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองมากขึ้น จึงเป็นที่ยอมรับว่า เทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายเป็นปัจจัยที่สำคัญในการพัฒนาประเทศการจัดการศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ประโยชน์ในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการจัดการเรียนการสอนนั้น ได้มีข้อกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการผลิตสื่อเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา รวมทั้งให้มีการพัฒนาบุคลากรด้านการผลิตและผู้ใช้ให้มีความรู้ความสามารถ มีทักษะตลอดจนผู้เรียนให้มีสิทธิที่จะได้รับการพัฒนาเพื่อให้มีความรู้และทักษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
           ดังนั้นเพื่อให้เป็นบทเรียนที่เป็นแนวทางในการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็น
สำคัญ ขณะเดียวกันผู้เรียนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรียนรู้แบบทีมในการใช้เทคโนโลยีเพื่อการ
เรียนรู้ และยังสามารถเป็นแนวทางในการสร้างบทเรียนผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตในเรื่องอื่นๆ
ต่อไป

7.วัตถุประสงค์

   7.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วยWord press เรื่องหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
   7.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่องที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องการทำงานของคอมพิวเตอร์
   7.3 เพื่อศึกษาให้เข้าใจกับ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ในระบบคอมพิวเตอร์

   7.4 เพื่อศึกษาให้เข้าใจถึงการทำงานของคอมพิวเตอร์

8.หลักการและทฤษฎี

   2.1 หลักการทำงานของคอมพิวเตอร์

 ในปัจจุบันความหมายของคอมพิวเตอร์จะระบุเฉพาะเจาะจง หมายถึง เครื่องคำนวณอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ แต่ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า "เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่าง ๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์"

         คุณลักษณะสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์ มี 4 ประการ คือ

        1. ทำงานโดยอัตโนมัติ ถ้าสังเกตการทำงานของคอมพิวเตอร์ จะพบว่า อุปกรณ์ทุกอย่างของคอมพิวเตอร์ทำงานได้เองโดยอัตโนมัติ โดยที่คนไม่ได้เข้าไปควบคุม ไม่ว่าจะเป็นการอ่านข้อมูล การคำนวณ หรือการพิมพ์ผลลัพธ์

        2. ทำงานได้อเนกประสงค์ เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงานได้อเนกประสงค์ เพราะทำงานได้หลายชนิดขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ เช่น โปรแกรมเงินเดือน โปรแกรมคิดคะแนนสอบของนักเรียน เป็นต้น

        3. เป็นอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ประกอบกันเข้าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นอุปกรณ์ทางด้านอิเล็คทรอนิคส์ทั้งสิ้น เช่น ทรานซิสเตอร์ วงจรไอซี ดังนั้นจึงทำงานด้วยความเร็วสูงมาก

        4. เป็นระบบดิจิตอล คำว่า ดิจิตอล (Digital) มาจากคำว่า Digit หมายถึง ตัวเลข เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ ทำงานโดยใช้ระบบตัวเลข ข้อมูลทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นตัวเลข ตัวหนังสือ หรือเครื่องหมายในทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เมื่อส่งเข้าเครื่องรับข้อมูลของคอมพิวเตอร์แล้ว จะถูกเปลี่ยนเป็นตัวเลขหมด

  2.2 การทำงานของคอมพิวเตอร์ 

เครื่องคอมพิวเตอร์มีขั้นตอนการทำงาน 3 ขั้นตอน คือ
          1. รับโปรแกรมและข้อมูล โปรแกรมในที่นี้ หมายถึง ชุดของคำสั่งที่จะให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ส่วนข้อมูล อาจเป็นตัวเลขหรือตัวหนังสือก็ได้ ที่ต้องการให้คอมพิวเตอร์ทำการประมวลผล
          2. การประมวลผล หมายถึง การจัดระเบียบแบบแผนของข้อมูล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ ซึ่งทำได้โดยการคำนวณ
เปรียบเทียบ วิเคราะห์โดยใช้สูตรทางวิทยาศาสตร์ หรือ คณิตศาสตร์ โดยอาศัยคำสั่งหรือโปรแกรมที่เขียนขึ้น
          3. แสดงผลลัพธ์  คือ การนำผลลัพธ์ที่ได้จากการประมวลผลเสร็จเรียบร้อย แสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ ที่ผู้ใช้เข้าใจ และนำไปใช้ประโยชน์ได้

2.3 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์

1. จอภาพ (Monitor)

ป็นอุปกรณ์แสดงผลที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะจะติดต่อโดยตรงกับผู้ใช้ ชนิดของจอภาพที่ใช้ในเครื่องพีซีโดยทั่วไปจะแบ่งได้เป็น 2 ชนิด

     - จอซีอาร์ที (CRT : Cathode Ray Tube)  

     - จอแอลซีดี (LCD : Liquid Crystal Display)

2. เคส (Case)

เคส คือ โครงหรือกล่องสำหรับประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ไว้ภายใน
3. พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)
 เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ซึ่งถ้าคอมพิวเตอร์มีอุปกรณ์ต่อพวงเยอะๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ ซีดีรอมไดรฟ์ ดีวีดีไดรฟ์ก็ควรเลือกพาวเวอร์ซัพพลายที่มีจำนวนวัตต์สูง เพื่อให้สามารถจ่ายไฟได้เพียงพอ

4. คีย์บอร์ด  (Keyboard)

   เป็นอุปกรณ์ในการรับข้อมูลที่สำคัญที่สุด มีลักษณะคล้ายแป้นพิมพ์ ของเครื่องพิมพ์ดีด ซึ่งการสั่งงานคอมพิวเตอร์และการทำงานหลายๆ อย่างจำเป็นต้องใช้แป้นพิมพ์เป็นหลัก

5. เมาส์ (Mouse)

         อุปกรณ์รับข้อมูลที่นิยมรองจากคีย์บอร์ด เมาส์จะช่วยในการบ่งชี้ตำแหน่งว่าขณะนี้กำลังอยู่ ณ จุดใดบนจอภาพ เรียกว่า "ตัวชี้ตำแหน่ง (Pointer)" ซึ่งอาศัยการเลื่อนเมาส์ แทนการกดปุ่มบังคับทิศทางบนคีย์บอร์ด

6. เมนบอร์ด (Main board)

   แผ่นวงจรไฟฟ้าแผ่นใหญ่ที่รวมเอาชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่สำคัญๆมาไว้ด้วยกัน ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุม การทำงานของ อุปกรณ์ต่างๆ ภายในพีชีทั้งหมด

7. ซีพียู (CPU)

ซีพียูหรือหน่วยประมวลผลกลาง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โปรเซสเซอร์ (Processor) หรือ ชิป (chip) นับเป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญมากที่สุดของฮาร์ดแวร์ เพราะมีหน้าที่ในการประมวลผลจากข้อมูลที่ผู้ใช้ป้อน เข้ามาทางอุปกรณ์นำเข้าข้อมูลตามชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ผู้ใช้ต้องการใช้งาน หน่วยประมวลผลกลาง ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน คือ

     1) หน่วยคำนวณและตรรกะ (Arithmetic& Logical Unit: ALU)

     2) หน่วยควบคุม (Control Unit) 

8.การ์ดแสดงผล (Display Card)

   การ์ดแสดงผลใช้สำหรับเก็บข้อมูลที่ได้รับมาจากซีพียู โดยที่การ์ดบางรุ่นสามารถประมวลผลได้ในตัวการ์ด ซึ่งจะช่วยแบ่งเบาภาระการประมวลผลให้ซีพียู จึงทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้นด้วย

9. แรม (RAM)

เป็นหน่วยความจำหลักแต่ไม่ถาวร ซึ่งจะต้องมีไฟมาหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ตลอดในการทำงาน โดยถ้าเกิดไฟฟ้ากระพริบหรือดับ ข้อมูลที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วยความจำจะหายไปทันที 

10. ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)

 เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือโปรแกรมต่างๆ ของคอมพิวเตอร์ โดยฮาร์ดดิสค์จะมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีเปลือกนอก เป็นโลหะแข็ง และมีแผงวงจรสำหรับการควบคุมการทำงานประกบอยู่ที่ด้านล่าง พร้อมกับช่องเสียบสายสัญญาณและสายไฟเลี้ยง 

ซึ่งอินเตอร์เฟสของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ในปัจจุบัน มีอยู่ 3 ชนิดด้วยกัน

     - IDE (Integrated Drive Electronics)

    - SCSI (Small Computer System Interface)

    - Serial ATA (Advanced Technology Attachment)

11. CD-ROM / CD-RW / DVD / DVD-RW

   เป็นไดรฟ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีรอม หรือดีวีดีรอม ซึ่งถ้าหากต้องการบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นจะต้องใช้ไดรฟ์ที่

สามารถเขียนแผ่นได้คือ CD-RW หรือ DVD-RW โดยความเร็วของ ซีดีรอมจะเรียกเป็น X เช่น 16X , 32X หรือ 52X โดย

จะมี Interface เดียวกับ Harddisk 

12. ฟล็อปปี้ดิสก์ (Floppy Disk)

    ในปัจจุบันการใช้งานฟล็อปปี้ดิสก์นั้นน้อยลงไปมากเพราะ เนื่องจากจุข้อมูลได้น้อยซึ่งไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่ฟล็อปปี้ดิสก์ก็ยังคงเป็นมาตรฐานหนึ่งที่เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องต้องมี การพัฒนาฟล็อปปี้ดิสก์ก็ไม่ได้หยุดยั้งไปเสียทีเดียว ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้ระบบ Optical ทำให้สามารถขยายความจุไปได้ถึง 120 เมกะไบต์ต่อแผ่น

2.4 องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

  

 1. ฮาร์ดแวร์

         ฮาร์ดแวร์ (Hardware)  คือลักษณะทางกายของเครื่องคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย

  1.1 หน่วยรับข้อมูลเข้า (Input Unit)

  1.2 หน่วยประมวลผล (Central Process Unit)

       *หน่วยความจํา (Memory Unit)

               -รีจิสเตอร์ (Register) 

               - รอม (Read Only Memory: ROM) 

               - แรม (Random Access Memory: RAM) 

       *หน่วยควบคุม (Control Unit) 

  1.3 หน่วยแสดงผล (Output Unit)

  1.4 หน่วยเก็บข้อมูลสํารอง (Secondary Storage)

2. ซอฟต์แวร์

  เป็นชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่สั่งให้ฮาร์ดแวร์ทำงานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคำสั่งหรือโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมาจาก ภาษาคอมพิวเตอร์ (Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และมี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรือนักเขียนโปรแกรมเป็นผู้ใช้ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา  ส่วนที่ทำหน้าที่เป็นคำสั่งที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ หรืออาจเรียกว่า “ โปรแกรม ” ก็ได้ 

ประเภทของซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์จะแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ ประเภท คือ ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software) และซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Softwaer) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

        1. ซอฟต์แวร์ระบบ ( System Software)

        2. ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (Application Software)

  โปรแกรมที่ใช้ในการทำงานทางด้านการสร้างรูปภาพและกราฟฟิกต่าง ๆ รวมทั้งงานทางด้านสิ่งพิมพ์ การทำโบว์ชัวร์ แผ่นพับ นามบัตร เช่น CorelDraw, Photoshop, Harvard Graphic, Freelance Graphic, PowerPoint, PageMaker เป็นต้น    จากข้างต้นเป็นตัวอย่างของ Package Program ที่นิยมใช้งานกันในปัจจุบัน ที่จริงแล้ว Package Program สามารถแบ่งออกได้เป็น 9 ประเภทด้วยกัน สำหรับรายละเอียดของโปรแกรมแต่ละประเภทนั้น มีรายละเอียด
ดังนี้

   1.  โปรแกรมทางด้าน Word Processor

   2. โปรแกรมทางด้าน Spreadsheet

   3.  โปรแกรมทางด้าน Database

   4.  โปรแกรมทางด้าน Graphic

   5.  โปรแกรมเกม ( Game)

   6.  โปรแกรมทางด้านการสร้างสถานการณ์จำลอง

   7. โปรแกรมทางด้านการติดต่อสื่อสาร

   8.  โปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยสอน

9.วิธีดำเนินงาน

      ในการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com

เรื่องหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ นี้ ผู้จัดทำโครงงานมีวิธีดำเนินงานโครงงาน ตามขั้นตอนดังต่อไปนี้

 1. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือหรือโปรแกรมหรือที่ใช้ในการพัฒนา
      1.1 เครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
      1.2 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก คือ http://www.blogger.com
      1.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร http://www.facebook.com

2. ขั้นตอนการดาเนินงาน     

     2.1 คิดหัวข้อโครงงานเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาโครงงาน

     2.2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่สนใจ คือ เรื่องหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ ว่ามีเนื้อหามากน้อย

เพียงใด และต้องศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพียงใดจากเว็บไซต์ต่างๆ และเก็บข้อมูลไว้เพื่อจัดทาเนื้อหาต่อไป

     2.3 ศึกษาการสร้างเว็บบล็อกที่สร้างจากเว็บไซต์ blogger.com จากเอกสารที่ครูประจำวิชากำหนด และจากเว็บไซต์

ต่างๆ ที่นำเสนอเทคนิค วิธีการสร้างเว็บบล็อก

     2.4 จัดทำโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษา

     2.5 ปฏิบัติการจัดทำโครงงานคอมพิวเตอร์การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย blogger.com เรื่องแท็บเล็ต โดยการ

สมัครสมาชิก และสร้างบทเรียนที่สนใจตามแบบเสนอโครงร่างที่เสนอไว้แล้ว

3.3 วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล

         - ศึกษา เรื่อง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์

            - ศึกษาเรื่อง องค์ประกอบของระบบคอมพิวเตอร์

10.ขั้นตอนการปฏิบัติ

วัน-เดือน-ปี	กิจกรรม	ผู้รับผิดชอบ
6/11/60	จัดการกับระบบ Gmail ของตัวเราเอง	นางสาว สุนิสรา ปีแต
13/11/60	เริ่มสร้าง Web Blog : www.blogger.com	นางสาว สุนิสรา ปีแต
20/11/60	หาหัวข้อโครงงานตามตัวอย่างจากเว็บไซต์ต่างๆ	นางสาว สุนิสรา ปีแต
27/11/60	เพิ่มเติมเนื้อหาในโครงงานบนเว็บบล็อก	นางสาว สุนิสรา ปีแต
4/12/60	ข้อมูลเพิ่มเติม+เพิ่มเติมเนื้อหาในโครงงานบนเว็บไซต์	นางสาว สุนิสรา ปีแต
11/12/60	ตกแต่งเพื่อความสวยงามของเว็บบล็อก	นางสาว สุนิสรา ปีแต
18/11/60	ตรวจสอบความเรียบร้อยในเว็บบล็อก	นางสาว สุนิสรา ปีแต
25/12/60	เนื้อหาในโครงงานเสร็จสมบูรณ์-พร้อมเผยแพร่	นางสาว สุนิสรา ปีแต

11.ผลที่คาดว่าจะได้รับ

   1. ได้รับความรู้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (Webb log) ด้วย Word press เรื่องหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์
   2.ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่นำมาเป็นบทเรียนในการสร้างเว็บบล็อกคือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์
   3. ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องของ ฮาร์ดแวร์, ซอฟต์แวร์ องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์

   4.ได้รู้เกี่ยวกับเรื่องหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์

12.เอกสารอ้างอิง

http://chom2525.blogspot.com/

13.ภาคผนวก(ภาพและกิจกรรมต่างๆ)